รู้จักกับคอนกรีตมวลเบา
คอนกรีตมวลเบา (aerated autoclaved concrete) เป็นคอนกรีตหล่อสำเร็จที่มีความแข็งแรง มีสมบัติของความเป็นฉนวนกันเสียง และฉนวนทนไฟ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบามีหลากหลายรูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็นแบบแท่ง แบบก้อน แบบแผ่นผนัง และแบบแผ่นหลังคา
การพัฒนาคอนกรีตมวลเบาเริ่มต้นขึ้นโดยวิศวกรชาวสวีเดนในช่วงปี ค.ศ. 1920 – 1932 เพื่อให้เป็นวัสดุฉนวนกันความร้อนสำหรับใช้ในงานก่อสร้างทั้งภายในและภายนอกอาคาร ข้อดีอื่นนอกเหนือจากความเป็นฉนวนกันความร้อนคือ สามารถติดตั้งหรือก่อได้ง่ายและเร็ว เพราะสามารถตัด ขัด เจาะ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตให้มีขนาดตามต้องการได้ด้วยอุปกรณ์ช่างทั่วไป เช่น เลื่อยมือ สว่าน เป็นต้น
วัตถุดิบและการผลิต
คอนกรีตมวลเบาประกอบด้วยน้ำ ปูนขาว เถ้าแกลบหรือทราย (วัตถุดิบที่มีซิลิกอนเป็นองค์ประกอบปริมาณมาก) ปูนซีเมนต์ และผงอะลูมิเนียม (ทำหน้าที่เป็นสารขยายตัว และใช้ประมาณ 5-8 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร) เมื่อผสมส่วนผสมต่างๆ และเทของเหลวที่ได้ลงแบบหล่อเรียบร้อยแล้ว ของผสมในของเหลวจะเริ่มทำปฏิกิริยาเคมีกัน โดยเฉพาะปฏิกิริยาเคมีระหว่างผงอะลูมิเนียมกับแคลเซียมไฮดรอกไซด์และน้ำ ที่จะทำให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนขึ้น ฟองก๊าซที่เกิดขึ้นจะดันเนื้อของเหลวให้ขยายตัวออก ซึ่งปริมาตรของคอนกรีตอาจเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่าจากเริ่มต้น ส่วนก๊าซไฮโดรเจนที่เกิดขึ้นจะค่อยๆ หลุดออกจากเนื้อคอนกรีตไป และอากาศจะเข้ามาแทนที่ หลังจากปล่อยให้ของเหลวบ่ม (set) นานประมาณ 30 นาทีถึง 4 ชั่วโมง (ระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับสูตรการผสมคอนกรีตของผู้ผลิตแต่ละราย) มันจะเป็นของที่มีลักษณะแข็ง แต่เนื้อนิ่ม หลังจากนั้นคอนกรีตจะถูกตัดออกให้มีรูปร่างและขนาดตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแบบก้อนหรือแผ่น ก้อนคอนกรีตที่ตัดแล้วจะถูกส่งไปอบในเตาอบไอน้ำ (autoclave) เพื่อเร่งกระบวนการไฮเดรชั่น (hydration) ของคอนกรีต และเร่งปฏิกิริยาเคมีการแข็งตัว คอนกรีตมวลเบาจะถูกอบในเตาที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ความดัน 12 บรรยากาศ เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง ก้อนคอนกรีตที่ผ่านการอบแล้วจะมีค่าความแข็งแรงเทียบเท่ากับคอนกรีตที่บ่ม (set) แล้ว 28 วันที่อุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส และเป็นคอนกรีตที่พร้อมใช้ในงานก่อสร้างต่างๆ
จุดเด่นของคอนกรีตมวลเบา
น้ำหนักเบา คอนกรีตมวลเบามีน้ำหนักประมาณ 25-30% ของคอนกรีตทั่วไป เนื่องจากเนื้อคอนกรีตมีโพรงอากาศหรือรูพรุนแทรกอยู่เป็นจำนวนมากมีค่าความแข็งแรงกดสูง รับน้ำหนักหรือแรงกดได้มากเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี เพราะโครงสร้างคอนกรีตมีความพรุนตัวเป็นฉนวนดูดซับเสียงที่ดี เป็นผลจากการที่เนื้อคอนกรีตมีรูพรุนมากสามารถตัด เจาะ แต่งคอนกรีตได้โดยใช้เครื่องมือช่างทั่วไป
คอนกรีตมวลเบา (aerated autoclaved concrete) เป็นคอนกรีตหล่อสำเร็จที่มีความแข็งแรง มีสมบัติของความเป็นฉนวนกันเสียง และฉนวนทนไฟ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบามีหลากหลายรูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็นแบบแท่ง แบบก้อน แบบแผ่นผนัง และแบบแผ่นหลังคา
การพัฒนาคอนกรีตมวลเบาเริ่มต้นขึ้นโดยวิศวกรชาวสวีเดนในช่วงปี ค.ศ. 1920 – 1932 เพื่อให้เป็นวัสดุฉนวนกันความร้อนสำหรับใช้ในงานก่อสร้างทั้งภายในและภายนอกอาคาร ข้อดีอื่นนอกเหนือจากความเป็นฉนวนกันความร้อนคือ สามารถติดตั้งหรือก่อได้ง่ายและเร็ว เพราะสามารถตัด ขัด เจาะ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตให้มีขนาดตามต้องการได้ด้วยอุปกรณ์ช่างทั่วไป เช่น เลื่อยมือ สว่าน เป็นต้น
วัตถุดิบและการผลิต
คอนกรีตมวลเบาประกอบด้วยน้ำ ปูนขาว เถ้าแกลบหรือทราย (วัตถุดิบที่มีซิลิกอนเป็นองค์ประกอบปริมาณมาก) ปูนซีเมนต์ และผงอะลูมิเนียม (ทำหน้าที่เป็นสารขยายตัว และใช้ประมาณ 5-8 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร) เมื่อผสมส่วนผสมต่างๆ และเทของเหลวที่ได้ลงแบบหล่อเรียบร้อยแล้ว ของผสมในของเหลวจะเริ่มทำปฏิกิริยาเคมีกัน โดยเฉพาะปฏิกิริยาเคมีระหว่างผงอะลูมิเนียมกับแคลเซียมไฮดรอกไซด์และน้ำ ที่จะทำให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนขึ้น ฟองก๊าซที่เกิดขึ้นจะดันเนื้อของเหลวให้ขยายตัวออก ซึ่งปริมาตรของคอนกรีตอาจเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่าจากเริ่มต้น ส่วนก๊าซไฮโดรเจนที่เกิดขึ้นจะค่อยๆ หลุดออกจากเนื้อคอนกรีตไป และอากาศจะเข้ามาแทนที่ หลังจากปล่อยให้ของเหลวบ่ม (set) นานประมาณ 30 นาทีถึง 4 ชั่วโมง (ระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับสูตรการผสมคอนกรีตของผู้ผลิตแต่ละราย) มันจะเป็นของที่มีลักษณะแข็ง แต่เนื้อนิ่ม หลังจากนั้นคอนกรีตจะถูกตัดออกให้มีรูปร่างและขนาดตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นแบบก้อนหรือแผ่น ก้อนคอนกรีตที่ตัดแล้วจะถูกส่งไปอบในเตาอบไอน้ำ (autoclave) เพื่อเร่งกระบวนการไฮเดรชั่น (hydration) ของคอนกรีต และเร่งปฏิกิริยาเคมีการแข็งตัว คอนกรีตมวลเบาจะถูกอบในเตาที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ความดัน 12 บรรยากาศ เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง ก้อนคอนกรีตที่ผ่านการอบแล้วจะมีค่าความแข็งแรงเทียบเท่ากับคอนกรีตที่บ่ม (set) แล้ว 28 วันที่อุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส และเป็นคอนกรีตที่พร้อมใช้ในงานก่อสร้างต่างๆ
จุดเด่นของคอนกรีตมวลเบา
น้ำหนักเบา คอนกรีตมวลเบามีน้ำหนักประมาณ 25-30% ของคอนกรีตทั่วไป เนื่องจากเนื้อคอนกรีตมีโพรงอากาศหรือรูพรุนแทรกอยู่เป็นจำนวนมากมีค่าความแข็งแรงกดสูง รับน้ำหนักหรือแรงกดได้มากเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี เพราะโครงสร้างคอนกรีตมีความพรุนตัวเป็นฉนวนดูดซับเสียงที่ดี เป็นผลจากการที่เนื้อคอนกรีตมีรูพรุนมากสามารถตัด เจาะ แต่งคอนกรีตได้โดยใช้เครื่องมือช่างทั่วไป