ส่วนใหญ่ สถาปนิกจะทราบกันดีอยู่ว่า หากต้องการหล่อเสา คาน หรือเทพื้นก็ควรต้องใช้ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ หรือหากต้องการทำงาน ก่อผนัง ฉาบ หรือ เท ก็ควรใช้ ปูนซีเมนต์ผสม เช่น ปูนตราเสือ ก่อ ฉาบ เท หรือ ปูนตราช้าง งานโครงสร้าง แต่หากต้องหล่อเสา คาน หรือเทพื้นของบ้านซึ่งสร้างอยู่ริมน้ำหรือทะเล ควรใช้ปูนชนิดใด?
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 (ชนิดธรรมดา) ซึ่งมักใช้สำหรับงานโครงสร้างของอาคารทั่วๆ ไป ในกรณีที่โครงสร้างดังกล่าวมีโอกาสถูกความชื้นหรือสัมผัสกับพื้นดิน เรามักจะใช้วิธีการเพิ่มระยะของเนื้อปูนที่หุ้มเหล็กเสริมจากระยะ 1" เป็น 2" เพื่อป้องกันเหล็กเสริมภายในโครงสร้างไม่ให้ถูกความชื้นและเป็นสนิม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ที่เราใช้สำหรับหล่อเสา คาน หรือเทพื้น หรือปูนตราช้าง งานโครงสร้าง
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 2 (ชนิดดัดแปลง) ซึ่งสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากคลอไรด์และซัลเฟตจากดินเค็มได้ดี กรณีที่บ้านหลังใดสร้างอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นดินเค็ม อย่างเช่น พื้นที่ในภาคอีสาน ในดินเค็มจะมีคลอไรด์และซัลเฟตซึ่งจะทำให้ปูนซีเมนต์ที่เป็นโครงสร้างนั้นเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ การสร้างบ้านด้วยปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดธรรมดา อาจเสี่ยงต่อการเกิดการเสื่อมสภาพของโครงสร้างได้ ดังนั้นหากจำเป็นต้องปลูกบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นดินเค็มควรเปลี่ยนไปใช้ ปูนตราช้าง ทนน้ำเค็ม ดินเค็ม
ปูนปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 3 (ชนิดแข็งตัวเร็ว) หรือปูนตราช้าง รับกำลังอัดเร็ว แม้จะไม่ค่อยได้พบเห็นการใช้งานในพื้นที่ก่อสร้างบ่อยนัก แต่ปูนชนิดนี้ก็เป็นปูนที่ใช้ทำ เสาเข็มหรือแผ่นพื้นสำเร็จ ที่นำมาใช้ในการสร้างบ้านเช่นเดียวกัน
ปูนปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 4 (ชนิดเกิดความร้อนต่ำ) จะเป็นปูนที่เมื่อผสมน้ำแล้ว อุณหภูมิที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาของปูนกับน้ำจะต่ำ ทำให้น้ำระเหยน้อย หากน้ำระเหยออกไปอย่างรวดเร็วปริมาณมากๆ จะทำให้โครงสร้างไม่แข็งแรงแตกร้าวได้ง่าย ปูนชนิดนี้มักใช้สำหรับหล่องานโครงสร้างที่ต้องใช้ปริมาณปูนมากๆ อย่างเช่น ตอหม้อรถไฟฟ้า
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 5 (ชนิดทนซัลเฟตสูง) ซึ่งนอกจากจะทนต่อซัลเฟตสูงได้แล้ว ยังสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากคลอไรด์เข้มข้นได้ดีอีกด้วย ดังนั้น นอกจากโครงสร้างที่อยู่ในพื้นที่ริมทะเลแล้ว ปูนชนิดนี้ ยังเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ซึ่งเป็นดินเปรี้ยวหรือดินเค็มมากๆ หรือโครงสร้างที่ต้องเผชิญกับน้ำกร่อยหรือน้ำเสียก็ตามที สำหรับอาคารซึ่งจะต้องสร้างอยู่ริมทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการกัดกร่อนของซัลเฟตสูง การใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดธรรมดาเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะการกัดกร่อนของซัลเฟตจากน้ำทะเล (แม้จะไม่ถูกน้ำทะเลเลยก็ตาม) อาจทำให้โครงสร้างที่ทำมาจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดธรรมดาเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติถึง 5 เท่าด้วยกัน ดังนั้นในการปลูกบ้านหรือทำโครงสร้างใดๆ ก็ตามบริเวณริมทะเล ควรใช้ปูนตราช้าง ทนน้ำทะเล
นอกจากการทำความรู้จักกับชนิดของปูนปอร์ตแลนด์สำหรับงานโครงสร้างที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เพื่อใช้ในการกำหนดหรือกำกับลงไปในแบบก่อสร้างแล้ว สถาปนิกควรทำความรู้จักกับปูนปอร์ตแลนด์สำหรับงานตกแต่ง อย่างเช่น ปูนตราช้าง ซีเมนต์ขาว สำหรับตกแต่งพื้นหรือผนัง หรือ ปูนช้าง ซีเมนต์ขาว สำหรับหล่อหินทราย ซึ่งเป็นปูนตกแต่งที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ การทราบถึงคุณสมบัติของปูนปอร์ตแลนด์ประเภทนี้จะช่วยเพิ่มความอิสระหรือความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบได้มากยิ่งขึ้น
ที่มา https://goo.gl/xVx6FQ
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 (ชนิดธรรมดา) ซึ่งมักใช้สำหรับงานโครงสร้างของอาคารทั่วๆ ไป ในกรณีที่โครงสร้างดังกล่าวมีโอกาสถูกความชื้นหรือสัมผัสกับพื้นดิน เรามักจะใช้วิธีการเพิ่มระยะของเนื้อปูนที่หุ้มเหล็กเสริมจากระยะ 1" เป็น 2" เพื่อป้องกันเหล็กเสริมภายในโครงสร้างไม่ให้ถูกความชื้นและเป็นสนิม ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ที่เราใช้สำหรับหล่อเสา คาน หรือเทพื้น หรือปูนตราช้าง งานโครงสร้าง
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 2 (ชนิดดัดแปลง) ซึ่งสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากคลอไรด์และซัลเฟตจากดินเค็มได้ดี กรณีที่บ้านหลังใดสร้างอยู่ในพื้นที่ซึ่งเป็นดินเค็ม อย่างเช่น พื้นที่ในภาคอีสาน ในดินเค็มจะมีคลอไรด์และซัลเฟตซึ่งจะทำให้ปูนซีเมนต์ที่เป็นโครงสร้างนั้นเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ การสร้างบ้านด้วยปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดธรรมดา อาจเสี่ยงต่อการเกิดการเสื่อมสภาพของโครงสร้างได้ ดังนั้นหากจำเป็นต้องปลูกบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นดินเค็มควรเปลี่ยนไปใช้ ปูนตราช้าง ทนน้ำเค็ม ดินเค็ม
ปูนปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 3 (ชนิดแข็งตัวเร็ว) หรือปูนตราช้าง รับกำลังอัดเร็ว แม้จะไม่ค่อยได้พบเห็นการใช้งานในพื้นที่ก่อสร้างบ่อยนัก แต่ปูนชนิดนี้ก็เป็นปูนที่ใช้ทำ เสาเข็มหรือแผ่นพื้นสำเร็จ ที่นำมาใช้ในการสร้างบ้านเช่นเดียวกัน
ปูนปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 4 (ชนิดเกิดความร้อนต่ำ) จะเป็นปูนที่เมื่อผสมน้ำแล้ว อุณหภูมิที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาของปูนกับน้ำจะต่ำ ทำให้น้ำระเหยน้อย หากน้ำระเหยออกไปอย่างรวดเร็วปริมาณมากๆ จะทำให้โครงสร้างไม่แข็งแรงแตกร้าวได้ง่าย ปูนชนิดนี้มักใช้สำหรับหล่องานโครงสร้างที่ต้องใช้ปริมาณปูนมากๆ อย่างเช่น ตอหม้อรถไฟฟ้า
ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 5 (ชนิดทนซัลเฟตสูง) ซึ่งนอกจากจะทนต่อซัลเฟตสูงได้แล้ว ยังสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากคลอไรด์เข้มข้นได้ดีอีกด้วย ดังนั้น นอกจากโครงสร้างที่อยู่ในพื้นที่ริมทะเลแล้ว ปูนชนิดนี้ ยังเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ซึ่งเป็นดินเปรี้ยวหรือดินเค็มมากๆ หรือโครงสร้างที่ต้องเผชิญกับน้ำกร่อยหรือน้ำเสียก็ตามที สำหรับอาคารซึ่งจะต้องสร้างอยู่ริมทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการกัดกร่อนของซัลเฟตสูง การใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดธรรมดาเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะการกัดกร่อนของซัลเฟตจากน้ำทะเล (แม้จะไม่ถูกน้ำทะเลเลยก็ตาม) อาจทำให้โครงสร้างที่ทำมาจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดธรรมดาเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติถึง 5 เท่าด้วยกัน ดังนั้นในการปลูกบ้านหรือทำโครงสร้างใดๆ ก็ตามบริเวณริมทะเล ควรใช้ปูนตราช้าง ทนน้ำทะเล
นอกจากการทำความรู้จักกับชนิดของปูนปอร์ตแลนด์สำหรับงานโครงสร้างที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ เพื่อใช้ในการกำหนดหรือกำกับลงไปในแบบก่อสร้างแล้ว สถาปนิกควรทำความรู้จักกับปูนปอร์ตแลนด์สำหรับงานตกแต่ง อย่างเช่น ปูนตราช้าง ซีเมนต์ขาว สำหรับตกแต่งพื้นหรือผนัง หรือ ปูนช้าง ซีเมนต์ขาว สำหรับหล่อหินทราย ซึ่งเป็นปูนตกแต่งที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ การทราบถึงคุณสมบัติของปูนปอร์ตแลนด์ประเภทนี้จะช่วยเพิ่มความอิสระหรือความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบได้มากยิ่งขึ้น
ที่มา https://goo.gl/xVx6FQ