ความสูงของชั้นล่างมีผลต่อการเลือกใช้แบบท้องพื้นแบบดินถม หรือแบบพื้นสำเร็จ ถ้าเที่ยบราคาเฉพาะแบบหล่อและวิธีการทำงานพบว่าความสูงที่ราคาเท่ากันของทั้งสองชนิดโครงสร้างอยู่ที่ 0.70 เมตร ไม่ใช่ 0.90 เมตรถ้าสูงกว่า 0.70 เมตร ควรใช้พื้นสำเร็จรูปจะประหยัดคุ้มค่ากว่า
ในกรณีที่เทพื้นชั้นล่างบนคาน ภายหลังงานก่ออิฐฉาบปูนเสร็จแล้วจะมีเศษขี้ปูนเหลืออยู่มาก สามารถนำมาถมราดน้ำให้แน่นพอเทคอนกรีตพื้น ไม่จำเป็นต้องบดอัด หลังจากเทไปไม่นาน เกิดช่องว่างทุกหลัง ไม่ว่าจะบดอัดดีแค่ไหนก็ตาม แต่เป็นข้อดีน่ะ อาจทำให้ความสูงที่สมดุลของทั้ง สองรูปแบบสูงได้มากขึ้น
การเทพื้นบนดินจะต้องบดอัดให้เต็มที่ เพราะพื้นจะทรุดตามดิน และข้อเสียของพื้นแบบนี้จะมีความชื้นดูดซึมขึ้น ตามแรงตึงผิวของความชื้นในเม็ดดิน อาจก่อปัญหาให้วัสดุผิวพื้นชั้นล่าง เกิดการขยายตัวดันกันจนโก่งหลุดร่อน หรือที่เรียกว่าพื้นระเบิด
พลาสติกปูใต้พื้น เป็นทางออกแก้ปัญหาความชื้นอีกวิธีหนึ่ง ที่นิยมใช้กันมาก เพราะมีราคาถูก และทำงานได้สะดวกรวดเร็ว ได้ผล แต่มีข้อจำกัดกับพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับดินโดยรอบ ซึ่งความชื้นจะซึมเข้ามาทั้งใต้พื้นและทางผนัง น้ำยากันซึมจึงเป็นอีกทางออกหนึ่งที่ได้ผลพอสมควร
วัสดุผิวพื้นชั้นล่างที่ควรเลือกใช้ ควรเป็นวัสดุไม่ดูดน้ำ เช่นหินอ่อน แกรนิโต หินเทียม กระเบื้องเซรามิก ส่วนวัสดุที่ไม่ควรใช้ เช่น พื้นไม้ กระเบื้องดินเผา กระเบื้องยาง พรม ปาร์เก้ วัสดุผิวพื้นที่ไม่ดูดน้ำสามารถนำมาใช้กรุผนังที่มีระดับต่ำกว่าพื้นดินด้านนอกโดยรอบเพื่อแก้ปัญหาซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือปัญหาสีพองจากความชื้น สีหลุดร่อน
ปูนกาวเป็นอีกทางออกหนึ่งที่สามารถลดปัญหาการหลุดร่อนของผิวพื้นได้ดี ไม่ต้องเสียดาย ขอบอกว่าคุ้มค่ากว่าการกลับมาแก้งานภายหลัง วิธีใช้ให้ประหยัดกับงานปูผิวพื้น โดยการใช้ผงปูนโรยหน้าปูนทรายสดที่ปรับได้ระดับแล้ววางแผ่นวัสดุทับลงไปปรับให้ได้ระดับ ส่วนในงานผนังที่มีการฉาบปรับระดับแล้ว ต้องใช้ปูนกาวผสมน้ำ หรือปูนกาวเหลว ข้อดีของปูนกาวคือแข็งตัวช้ากว่าปูนซีเมนต์ ดังนั้นในการวางแผ่นวัสดุสามารถวางลงไปแบบลวกๆ แล้วมาปรับระยะช่องไฟภายหลังได้อย่างง่ายดาย