การเกิดฝุ่นที่ผิวหน้าคอนกรีต เป็นการสะสมของวัสดุที่มีลักษณะเป็นผงหรืออนุภาคขนาดเล็กอยู่ที่บริเวณผิวหน้าของคอนกรีตที่แข็งตัวแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับโครงสร้างคอนกรีตประเภทพื้นและผิวถนน โดยจะเกิดภายหลังจากการใช้งานหรือถูกขัดสีไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง
สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าของคอนกรีตเป็นฝุ่น
ฝุ่นที่ผิวหน้าคอนกรีตมีสาเหตุมาจากการที่ผิวหน้าคอนกรีตมีความอ่อนแอ ไม่สามารถต้านทานการขัดสีซึ่งเกิดขึ้นโดยปกติหรืออาจถูกขีดข่วนด้วยวัสดุที่มีความแข็งหรือจากการกวาดพื้น อนุภาคของส่วนละเอียดที่ไม่มีแรงยึดเหนี่ยวกับคอนกรีต ทำให้อนุภาคของส่วนละเอียดนี้หลุดร่อนออกมา โดยมีสาเหตุหลักดังนี้
การเลือกใช้คอนกรีตไม่ถูกกับประเภทของงาน เช่น เลือกใช้คอนกรีตที่มีกำลังอัดต่ำเกินไป และมีความสามารถต้านการขัดสีได้น้อย
มีปริมาณน้ำในส่วนผสมคอนกรีตที่มากเกินไปหรือมีการเติมน้ำที่หน้างาน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเยิ้มน้ำขึ้นที่ผิวหน้าคอนกรีต ซึ่งทำให้อัตราส่วนระหว่างน้ำและวัสดุประสานที่ผิวหน้าคอนกรีตสูงขึ้นมาก ทำให้ความทนต่อการขัดสีลดลงอย่างมาก
การแต่งผิวหน้าคอนกรีตที่เร็วเกินไป ทำให้น้ำที่จะเยิ้มขึ้นมาที่ผิวหน้าถูกดันกลับเข้า ไปในเนื้อคอนกรีตขณะแต่งผิว ซึ่งก็ทำให้อัตราส่วนระหว่างน้ำและวัสดุเชื่อมประสานที่ผิวหน้าคอนกรีตสูงขึ้นมาก
น้ำส่วนเกินจากการแต่งผิวหน้าคอนกรีต จากการฉีดพรมน้ำลงบนพื้นเพื่อเพิ่มความสะดวก ในการขัดหน้า
ไม่มีการป้องกันคอนกรีตที่ยังไม่แข็งตัวขณะฝนตก
การเทคอนกรีตบนพื้นดินที่มีการดูดซับต่ำหรือมีการปูแผ่นพลาสติก ทำให้ปริมาณน้ำที่เยิ้มขึ้นมากที่ผิวหน้ามากกว่าปกติ
การเกิดคาร์บอเนชั่น (Carbonation) ท่ีผิวหน้าเนื่องจากไม่มีอากาศถ่ายเทและมีก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์สูง
แต่สาเหตุที่พบในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมาจากสองข้อแรก คือการเลือกใช้คอนกรีตที่มีกำลังอัดต่ำหรือปานกลางมาใช้สำหรับเทงานถนนหรืองานพื้น (กำลังอัด 180-240 กก./ตร.ซม.) ซึ่งมีความสามารถต้านการขัดสีน้อยอยู่แล้ว และการเติมน้ำที่หน้างานเพื่อเพิ่ม ความสะดวกในการเทคอนกรีต ซึ่งจะส่งผลให้คอนกรีตมีความสามารถต้านการขัดสีลดลงไปอีก หากมีการขัดหน้าที่ไม่ถูกวิธีเพิ่มขึ้นมาอีกผิวหน้าก็จะเกิดเป็นฝุ่นอย่างแน่นอน
การป้องกันการเกิดเป็นฝุ่นที่ผิวหน้าของคอนกรีตจากสาเหตุหลักที่กล่าวมาทั้ง 7 ข้อ ควรเริ่มจากการใช้ คอนกรีตให้ถูกประเภทซึ่งควรมีกำลังอัดอย่างต่ำ 280 กก./ตร.ซม. (ใช้ตัวอย่างทรงกระบอก มาตรฐาน Ø 15 x 30 ซม.) โดยดูจากปริมาณของปูนซีเมนต์และวัสดุประสานอื่นๆ เป็นหลักว่าควรมีปริมาณ 330 กก./ลบ.ม. อย่างต่ำ หากเป็นส่วนผสมที่มีเถ้าลอยรวมอยู่ด้วย ปริมาณของเถ้าลอยไม่ควรเกินร้อยละ 20 ของวัสดุประสานทั้งหมด
การมีเถ้าลอยในส่วนผสมนั้น ยิ่งมีปริมาณมากก็ยิ่งส่งผลให้คอนกรีตพัฒนากำลังอัดได้ช้าลง ซึ่งไม่เหมาะสมกับพฤติกรรมการก่อสร้างของประเทศไทยที่ต้องการใช้งานของตัวโครงสร้างเร็ว และหลีกเลี่ยงการเติมน้ำหน้างานในรถโม่ อีกทั้งควบคุมการขัดผิวหน้าให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่ใช้วิธีสาดปูนเพื่อซับน้ำที่เยิ้มขึ้นมาที่ผิวหน้า แต่ควรใช้วิธีการอื่นในการซับน้ำ หากเทคอนกรีตกลางแจ้งในช่วงฤดูฝนก็ควรมีการป้องกันน้ำฝนไม่ให้สัมผัสกับผิวหน้า ส่วนการปูแผ่นพลาสติกและการเกิดคาร์บอเนชั่นนั้นไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับประเทศไทย
ข้อสรุปและการแก้ไขปัญหา
ปัญหาการเกิดฝุ่นที่ผิวหน้าคอนกรีตนั้นสามารถป้องกันได้ไม่ยาก แต่เป็นปัญหาที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศ เนื่องจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเทคอนกรีตขาดความรู้ความเข้าใจในวิชาการคอนกรีตและวิธีการก่อสร้าง การป้องกันการใช้คอนกรีตผิดประเภทสามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนการสั่งคอนกรีต ผู้ผลิตคอนกรีตควรสอบถามผู้บริโภคถึงลักษณะของโครงสร้างและการใช้งาน หากพบว่าเป็นงานพื้นหรืองานถนนก็ควรแนะนำลูกค้าสั่งคอนกรีตที่มีความทนต่อการขัดสีดีกว่า และให้ความรู้แก่ผู้บริโภคด้านผลของการเติมน้ำ และอาจรวมถึงวิธีขัดมันที่ถูกต้อง
การซ่อมแซมผิวหน้าคอนกรีตที่เป็นฝุ่น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก หากชั้นที่เกิดการหลุดล่อนเป็นฝุ่นไม่หนามากนัก (0.5-1.5มม.) ก็อาจแก้ไขได้โดยการขัดชั้นผิวนั้นออก ซึ่งถ้าไม่ลึกมากก็สามารถใช้แปรงลวดขัดออกได้ แต่ถ้าลึกพอสมควรอาจต้องใช้เครื่องขัดประเภทเดียวกับรถกวาดถนนของกรุงเทพฯ หรือหากผิวหน้าไม่หลุดล่อนเป็นแผ่นและคอนกรีตมีอายุ 28 วันขึ้นไปก็อาจใช้สารเคมีจำพวก Sodium Cilicate หรือ Magnesium Fluoro-Silicate ซึ่งจะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแคลเซียมไฮดรอกไซด์และเกิดวัสดุประสานทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งที่ผิวหน้าได้ การใช้ Epoxy Sealers หรือ Cement Paint ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแต่ราคาจะแพงมาก สำหรับชั้นผิวที่หนากว่า 2 มม. อาจแก้ไขโดยการทำการขัด ผิวหน้าแบบเปียก (Wet Grinding) เพื่อลอกชั้นที่อ่อนแอออกจนกระทั่งเห็นเม็ดหิน ซึ่งโดยทั่วไปต้องขัดลึกประมาณ 3 มม. หรือ เททับหน้าใหม่ (Topping or Overlaying) โดยการสกัดเอาส่วนผิวหน้าที่อ่อนแอออกแล้วจึงทำการเททับเพื่อปรับระดับให้ได้ตามที่ต้องการ สำหรับบ้านพักอาศัยอาจเลือกการใช้วัสดุตกแต่งปิดทับผิวหน้าคอนกรีตได้เลย อาทิ พรม หรือกระเบื้อง
https://goo.gl/NkDWb3
สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าของคอนกรีตเป็นฝุ่น
ฝุ่นที่ผิวหน้าคอนกรีตมีสาเหตุมาจากการที่ผิวหน้าคอนกรีตมีความอ่อนแอ ไม่สามารถต้านทานการขัดสีซึ่งเกิดขึ้นโดยปกติหรืออาจถูกขีดข่วนด้วยวัสดุที่มีความแข็งหรือจากการกวาดพื้น อนุภาคของส่วนละเอียดที่ไม่มีแรงยึดเหนี่ยวกับคอนกรีต ทำให้อนุภาคของส่วนละเอียดนี้หลุดร่อนออกมา โดยมีสาเหตุหลักดังนี้
การเลือกใช้คอนกรีตไม่ถูกกับประเภทของงาน เช่น เลือกใช้คอนกรีตที่มีกำลังอัดต่ำเกินไป และมีความสามารถต้านการขัดสีได้น้อย
มีปริมาณน้ำในส่วนผสมคอนกรีตที่มากเกินไปหรือมีการเติมน้ำที่หน้างาน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเยิ้มน้ำขึ้นที่ผิวหน้าคอนกรีต ซึ่งทำให้อัตราส่วนระหว่างน้ำและวัสดุประสานที่ผิวหน้าคอนกรีตสูงขึ้นมาก ทำให้ความทนต่อการขัดสีลดลงอย่างมาก
การแต่งผิวหน้าคอนกรีตที่เร็วเกินไป ทำให้น้ำที่จะเยิ้มขึ้นมาที่ผิวหน้าถูกดันกลับเข้า ไปในเนื้อคอนกรีตขณะแต่งผิว ซึ่งก็ทำให้อัตราส่วนระหว่างน้ำและวัสดุเชื่อมประสานที่ผิวหน้าคอนกรีตสูงขึ้นมาก
น้ำส่วนเกินจากการแต่งผิวหน้าคอนกรีต จากการฉีดพรมน้ำลงบนพื้นเพื่อเพิ่มความสะดวก ในการขัดหน้า
ไม่มีการป้องกันคอนกรีตที่ยังไม่แข็งตัวขณะฝนตก
การเทคอนกรีตบนพื้นดินที่มีการดูดซับต่ำหรือมีการปูแผ่นพลาสติก ทำให้ปริมาณน้ำที่เยิ้มขึ้นมากที่ผิวหน้ามากกว่าปกติ
การเกิดคาร์บอเนชั่น (Carbonation) ท่ีผิวหน้าเนื่องจากไม่มีอากาศถ่ายเทและมีก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์สูง
แต่สาเหตุที่พบในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมาจากสองข้อแรก คือการเลือกใช้คอนกรีตที่มีกำลังอัดต่ำหรือปานกลางมาใช้สำหรับเทงานถนนหรืองานพื้น (กำลังอัด 180-240 กก./ตร.ซม.) ซึ่งมีความสามารถต้านการขัดสีน้อยอยู่แล้ว และการเติมน้ำที่หน้างานเพื่อเพิ่ม ความสะดวกในการเทคอนกรีต ซึ่งจะส่งผลให้คอนกรีตมีความสามารถต้านการขัดสีลดลงไปอีก หากมีการขัดหน้าที่ไม่ถูกวิธีเพิ่มขึ้นมาอีกผิวหน้าก็จะเกิดเป็นฝุ่นอย่างแน่นอน
การป้องกันการเกิดเป็นฝุ่นที่ผิวหน้าของคอนกรีตจากสาเหตุหลักที่กล่าวมาทั้ง 7 ข้อ ควรเริ่มจากการใช้ คอนกรีตให้ถูกประเภทซึ่งควรมีกำลังอัดอย่างต่ำ 280 กก./ตร.ซม. (ใช้ตัวอย่างทรงกระบอก มาตรฐาน Ø 15 x 30 ซม.) โดยดูจากปริมาณของปูนซีเมนต์และวัสดุประสานอื่นๆ เป็นหลักว่าควรมีปริมาณ 330 กก./ลบ.ม. อย่างต่ำ หากเป็นส่วนผสมที่มีเถ้าลอยรวมอยู่ด้วย ปริมาณของเถ้าลอยไม่ควรเกินร้อยละ 20 ของวัสดุประสานทั้งหมด
การมีเถ้าลอยในส่วนผสมนั้น ยิ่งมีปริมาณมากก็ยิ่งส่งผลให้คอนกรีตพัฒนากำลังอัดได้ช้าลง ซึ่งไม่เหมาะสมกับพฤติกรรมการก่อสร้างของประเทศไทยที่ต้องการใช้งานของตัวโครงสร้างเร็ว และหลีกเลี่ยงการเติมน้ำหน้างานในรถโม่ อีกทั้งควบคุมการขัดผิวหน้าให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่ใช้วิธีสาดปูนเพื่อซับน้ำที่เยิ้มขึ้นมาที่ผิวหน้า แต่ควรใช้วิธีการอื่นในการซับน้ำ หากเทคอนกรีตกลางแจ้งในช่วงฤดูฝนก็ควรมีการป้องกันน้ำฝนไม่ให้สัมผัสกับผิวหน้า ส่วนการปูแผ่นพลาสติกและการเกิดคาร์บอเนชั่นนั้นไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับประเทศไทย
ข้อสรุปและการแก้ไขปัญหา
ปัญหาการเกิดฝุ่นที่ผิวหน้าคอนกรีตนั้นสามารถป้องกันได้ไม่ยาก แต่เป็นปัญหาที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศ เนื่องจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเทคอนกรีตขาดความรู้ความเข้าใจในวิชาการคอนกรีตและวิธีการก่อสร้าง การป้องกันการใช้คอนกรีตผิดประเภทสามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนการสั่งคอนกรีต ผู้ผลิตคอนกรีตควรสอบถามผู้บริโภคถึงลักษณะของโครงสร้างและการใช้งาน หากพบว่าเป็นงานพื้นหรืองานถนนก็ควรแนะนำลูกค้าสั่งคอนกรีตที่มีความทนต่อการขัดสีดีกว่า และให้ความรู้แก่ผู้บริโภคด้านผลของการเติมน้ำ และอาจรวมถึงวิธีขัดมันที่ถูกต้อง
การซ่อมแซมผิวหน้าคอนกรีตที่เป็นฝุ่น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก หากชั้นที่เกิดการหลุดล่อนเป็นฝุ่นไม่หนามากนัก (0.5-1.5มม.) ก็อาจแก้ไขได้โดยการขัดชั้นผิวนั้นออก ซึ่งถ้าไม่ลึกมากก็สามารถใช้แปรงลวดขัดออกได้ แต่ถ้าลึกพอสมควรอาจต้องใช้เครื่องขัดประเภทเดียวกับรถกวาดถนนของกรุงเทพฯ หรือหากผิวหน้าไม่หลุดล่อนเป็นแผ่นและคอนกรีตมีอายุ 28 วันขึ้นไปก็อาจใช้สารเคมีจำพวก Sodium Cilicate หรือ Magnesium Fluoro-Silicate ซึ่งจะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแคลเซียมไฮดรอกไซด์และเกิดวัสดุประสานทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งที่ผิวหน้าได้ การใช้ Epoxy Sealers หรือ Cement Paint ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแต่ราคาจะแพงมาก สำหรับชั้นผิวที่หนากว่า 2 มม. อาจแก้ไขโดยการทำการขัด ผิวหน้าแบบเปียก (Wet Grinding) เพื่อลอกชั้นที่อ่อนแอออกจนกระทั่งเห็นเม็ดหิน ซึ่งโดยทั่วไปต้องขัดลึกประมาณ 3 มม. หรือ เททับหน้าใหม่ (Topping or Overlaying) โดยการสกัดเอาส่วนผิวหน้าที่อ่อนแอออกแล้วจึงทำการเททับเพื่อปรับระดับให้ได้ตามที่ต้องการ สำหรับบ้านพักอาศัยอาจเลือกการใช้วัสดุตกแต่งปิดทับผิวหน้าคอนกรีตได้เลย อาทิ พรม หรือกระเบื้อง
https://goo.gl/NkDWb3