คอนกรีตมวลเบา (Autoclaved Aerated Concrete : AAC) ผลิตจากส่วนผสมของปูนปอร์ตแลนด์ Type 1
ทราย ปูนขาว ยิบซั่ม และผงอลูมิเนียมที่ใช้เพิ่มฟองอากาศโดยการผสมสูตรที่เหมาะสม และผ่านการ
อบด้วยไอน้ำแรงดันสูงทำให้มีฟองอากาศมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของปริมาตร จึงทำให้วัสดุคอนกรีตมวลเบา
เบากว่าน้ำ (ลอยน้ำ) โดยมีน้ำหนักระหว่าง 600 – 700 กก./ลบ.ม. เทียบกับคอนกรีตทั้วไปที่ 2,400 กก./ลบ.ม.
และอิฐมอญที่ 1350 กก./ลบ.ม. ความเบาของวัสดุทำให้อาคารเบาลงประหยัดค่าก่อสร้างโครงสร้างเสาคาน
และฐานรากความเบาที่มาจากการสอดแทรกของฟองอากาศถึง 75 % ทำให้คอนกรีตมวลเบามีคุณสมบัติดีเด่น
เพิ่มเติม คือ
• เป็นฉนวนกันความร้อน ผนังที่ก่อด้วย คอนกรีตมวลเบาสามารถกันความร้อนได้ดีกว่าผนังที่ก่อด้วยอิฐมอญถึง 2.5 เท่าจึงไม่สะสมความร้อนในตอนกลางวันเพื่อคายออกในตอนกลางคืน
• ไม่ติดไฟและสามารถทนไฟที่ 1,100 องศาเซลเซียส ได้นาน 4 ชั่วโมงสำหรับผนังหนา 7.5 ซม. ในขณะที่ผนังอิฐมอญทนได้ 2 ซม.
• สามารถดูดซับเสียงได้ดีและป้องกันการส่งผ่านเสียงได้ดีกว่าวัสดุมวลเบาทั่วไป
• ผนังหนา 10 ซม. สามารถกั้นเสียงได้ถึง 40 เดซิเบล
ในประเภทวัสดุก่อสร้างที่ใช้กันทั่วไป ผนังเป็นส่วนสำคัญของอาคารที่มีน้ำหนักมากที่สุด แต่ใช้ประโยชน์ในการ
รับแรงน้อยที่สุดในอาคารที่พักอาศัยที่มีการกั้นห้องมากน้ำหนักผนังอาจสูงถึง 40 % ของน้ำหนักอาคาร
ดังนั้นผู้ออกแบบอาคารจึงต้องการหาวัสดุที่มีน้ำหนักเบาเพื่อนำมาใช้งานให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการกั้นผนัง
• แข็งแรงเพียงพอที่จะกั้นภายในกับภายนอก
• กันความร้อน / ความเย็นจากภายนอก
• ไม่เป็นพิษภัยต่อผู้อาศัย
• มีความเรียบ สวยงาม คงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ
ที่มา : http://www.civilclub.net