1) ด้วยข้อจำกัดของการเทคอนกรีตเสาเอ็น เราจะต้องเว้นช่องว่างไว้ที่ปลายเสาเอ็นส่วนที่ติดกับท้องพื้น หรือคานชั้นบนประมาณ10 ซ.ม. (สำหรับเทคอนกรีต) ช่างที่มักง่ายจะนำปูนก่อซึ่งเป็นปูนทรายมาอัดบริเวณหัวเสาแทนที่จะใช้คอนกรีตชนิดเดียวกับที่ทำเสาเอ็นมาเก็บงาน
2) ช่างมักจะผสมคอนกรีตเพื่อเตรียม เทคอนกรีตเสาเอ็น-ทับหลัง ทิ้งเอาไว้นานเกิน 2 ช.ม. เมื่อคอนกรีตเริ่มแข็งตัวก็จะเติมน้ำเพิ่มทำให้คอนกรีตขาดคุณภาพส่งผลต่อความแข็งแรงของเสาเอ็น-คานทับหลังลดลง
3) กำหนดตำแหน่งเสาเอ็น-คานทับหลังผิดพลาด ไม่ตรงตามมาตรฐานที่ควรเป็น เพื่อให้ความผิดพลาดในหัวข้อนี้ลดลงควรจัดทำรูปแบบ (Shop drawing) ที่ระบุตำแหน่งของเสาเอ็น-คานทับหลังให้ชัดเจน
4) ปกติเสาเอ็นจะถูกยึดกับผนังก่อด้วยเหล็กเส้นที่โยงมาจากเสาเอ็น ภาษาช่างจะเรียกว่า “เหล็กหนวดกุ้ง” ซึ่งจะเป็นเหล็กขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 ม.ม. ยาวประมาณ 30 ซ.ม. เจาะเสียบกับผนังก่อทุกระยะ 60 ซ.ม. ซึ่งก็มักจะพบว่าช่างก่อลืมฝากเหล็กหนวดกุ้งไว้ที่เสาเอ็น หรือฝากไม่ถูกต้องตามมาตรฐานทำให้ผนังก่อกับตัวเสาเอ็นเกิดการถ่ายเทน้ำหนักไม่ดี ผนังไม่แข็งแรง
5) การยึดเสาเอ็นและคานทับหลังด้วย EPOXY ช่างหน้างานมักจะใช้สว่านเจาะรูเพื่อเสียบเหล็กเคลือบผิวด้วย EPOXY แต่หากละเลยไม่ทำความสะอาดรูเจาะเสียก่อน ก็ทำให้การยึดเกาะของเหล็กลดลง เนื่องจาก EPOXY จะไปยึดจับกับฝุ่นแทนที่จะยึดติดผิวระหว่างเหล็กกับคอนกรีต
6) ความสะอาดพื้นและผนังก่อก่อนการเข้าแบบและ เทคอนกรีตเสาเอ็น-คานทับหลัง ปัญหาหากไม่ทำ เสาเอ็น-คานทับหลังหรือทำ ไม่ถูกมาตรฐานหากไม่ทำเสาเอ็นทับหลังจะมีปัญหาต่อความแข็งแรงของผนัง เกิดปัญหาแตกร้าวของผนัง เนื่องจากเมื่อผนังถูกแรงกระทำและไม่มีเสาเอ็น-คานทับหลังช่วยยึดผนังก่อ จะทำให้ผนังเกิดการสั่นสะเทือนมาก ทั้งนี้บริเวณที่ต้องรับแรงกระทำด้านข้าง ลักษณะเป็นแรงกระแทกได้แก่บริเวณรอบวงกบประตู-หน้าต่าง จากการเปิดปิดก็ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดรอยร้าวที่ผนัง
Tag :
ปัญหาเสาเอ็น,
เสาเอ็น